

มูลนิธิพันธกิจเรือนจำคริสเตียน
หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สำหรับผู้ที่เคยอยู่ในที่จองจำไม่ว่าจะอยู่ภาคไหน เรือนจำไหนคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะพันธกิจนี้ไปทุกที่ที่มีคนถูกจองจำ เรียกว่าที่ใดมีคุก ที่ใดมีกรง ที่นั้นต้องมีมูลนิธิพันธกิจเรือนจำเข้าไปสอนจริยธรรมชีวิต การศึกษา ภาษา วัฒนธรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยประวัติเริ่มแรกของพันธกิจเรือนจำคือ
ประมาณปี พ.ศ. 2509 ได้มีครอบครัวชาวอเมริกัน คือ ศาสนาจารย์แจ็ค มาร์ตินและภรรยา แหม่มแกลด มาร์ติน ได้เดินทางมาประเทศไทย ในนาม ฟอเรนมิชชั่น บอร์ด โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือคนไทยด้านการส่งเสริมพัฒนาจริยธรรมชีวิตและด้านการศึกษา
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2514 ศาสนาจารย์แจ็ค มาร์ติน ได้เริ่มงานด้านพันธกิจเรือนจำครั้งแรก โดยได้รับอนุญาตให้เข้าอบรมจริยธรรมชีวิตแก่ผู้ถูกจองจำและได้รับผลสำเร็จดังนั้น
ในปี พ.ศ. 2519 ศาสนาจารย์แจ็ค มาร์ติน ได้รับอนุญาตจากกรมราชทัณฑ์ให้ขยายการอบรมจริยธรรมชีวิตในเรือนจำออกไปอีก 2-3แห่ง โดยเฉพาะผู้ถูกจองจำชาวต่างชาติที่เรือนจำกลางคลองเปรม และเรือนจำกลางบางขวาง นอกจากนี้ด้านภรรยา แหม่มแกลด ยังเข้าไปสอนผู้ถูกจองจำหญิงในทัณฑสถานหญิงกลาง อีกด้วย
ช่วงปี พ.ศ. 2519-2521 เริ่มมีอาสาสมัครเข้ามาร่วมช่วยเหลือกิจกรรมอบรมและพัฒนาชีวิตจริยธรรมของผู้ถูกจองจำมากขึ้น
จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2524 อาจารย์สุนทร สุนทรธาราวงศ์ ได้เริ่มเข้ามาเป็นอาสาสมัครและรับผิดชอบการอบรมและส่งเสริมพัฒนาชีวิตผู้ถูกจองจำคนไทยในเรือนจำ 2-3 แห่ง โดยอาจารย์สุนทร สุนทรธาราวงศ์ ได้มีส่วนในการพัฒนาการบริหารและระบบการจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเริ่มจัดโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ในเรือนจำอย่างมีรูปแบบอันเป็นประโยชน์กับผู้ถูกจองจำอย่างมาก
ปี พ.ศ. 2526 อาจารย์สุนทร สุนทรธาราวงศ์ ได้มีโอกาสเข้ามารับผิดชอบงานในพันธกิจเรือนจำคริสเตียนมากขึ้น โดยจัดระบบประสานงานกับกรมราชทัณฑ์และเรือนจำต่าง ๆ ทำให้งานของพันธกิจขยายออกไปอย่างกว้างขวางและมีอาสาสมัครมากขึ้น เพื่อร่วมกันทำงานพันธกิจเรือนจำอย่งมากมาย ซึ่งต้องขอบพระคุณพระเจ้าที่ทำให้พันธกิจทำงานได้อย่างก้าวหน้า และถือว่าเป็นบำเหน็จของประทานจากพระเจ้า
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมเวลา 37 ปี ที่องค์กรพันธกิจเรือนจำคริสเตียนได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคมมากมาย องค์กรเติบโตขึ้น พร้อมกับภาระที่หนักขึ้นแต่เราก็มีทีมงานที่มีน้ำใจและเสียสละอย่างมากเช่นกัน
คณะกรรมการที่ร่วมทำงานในองค์การพันธกิจเรือนจำคริสเตียน จึงมีความคิดเห็นจดทะเบียนองค์การพันธกิจเรือนจำ เป็นมูลนิธิพันธกิจเรือนจำ และกำหนดวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ดังนี้
1. การจัดทีมวิทยากรเข้าอบรมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำและเยาวชนในสถานพินิจ
2. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการศึกษา การฝึกวิชาชีพและการฟื้นฟู บำบัดแก่ผู้ถูกจองจำและเยาวชน
3. การจัดโครงการและกิจกรรมเพลงและดนตรีเพื่อการฟื้นฟูบำบัดแก้ผู้ถูกจองจำ
4. การเปิดบ้านกึ่งวิถีบ้านพระพรเพื่อช่วยเหลือผู้พ้นโทษและผู้ด้อยโอกาสอื่น ๆ
5. การมุ่งส่งเสริมและพัฒนาผู้ด้อยโอกาสให้เป็นคนที่มีคุณภาพและมีจริยธรรมในชีวิต เพื่อดำรงชีวิตที่ดีในสังคม.
โดยคณะกรรมการและที่ปรึกษาของมูลนิธิพันธกิจเรือนจำคริสเตียน มีดังนี้
ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารงาน
ศจ.ดร.โตชิโอะ โมริโมโต ผู้รับใช้พระเจ้าอาวุโส
อาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ ประธานสหคริสตจักรแบ๊บติสต์
Rev. Duane Ostrem ประธาน IMB
Mr. Nelson Yao ผู้รับใช้พระเจ้า
คณะกรรมการบริหารงาน
อาจารย์สุนทร สุนทรธาราวงศ์ ประธานมูลนิธิฯ
อาจารย์สุบิน ไชยรัตน์ กรรมการ เลขานุการ
อาจารย์มาร์ค แบลนฟอร์ด กรรมการ ฝ่ายการเงิน
อาจารย์เดวิด นิวตัน กรรมการ
นายวิชัย จิตรถเวช กรรมการ
คณะทำงานพันธกิจเรือนจำคริสเตียน
อาจารย์สุนทร สุนทรธาราวงศ์ ที่ปรึกษา
อาจารย์สุบิน ไชยรัตน์ ผู้อำนวยการ
อาจารย์ทิวรรก์ อดุลย์ถิระเขตต์ ฝ่ายอบรมและติดตามผล
อาจารย์ทวีศักดิ์ จันทร์แจ่ม ฝ่ายอบรม
อาจารย์มาร์ค แบลนฟอร์ด ฝ่ายส่งเสริมการศึกษา
อาจารย์ชาลอต แบลนฟอร์ด ฝ่ายส่งเสริมวิชาชีพ
อาจารย์เนลด้า มิโอเร ฝ่ายส่งเสริมการศึกษา
นายอาราม ศุภโอภาส ฝ่ายดนตรี
นี้คือส่วนหนึ่งของพันธกิจเรือนจำคริสเตียน ซึ่งเป็นหน่วยงานเล็ก ๆ ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนในสังคมทุกแห่ง งานของพันธกิจฯคือ เสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์และสังคมให้น่าอยู่ปลอดภัยและสงบสุข เพื่อให้คนไทยในทุกสังคม มีความเข้าใจมากขึ้นว่า คริสเตียนคือ ผู้ที่มีความรักและความห่วงใยต่อผู้อื่นและอยากเห็นคนไทย ประเทศไทยมีความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง โดยมีความรักเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ.....
ใน 1 โครินธ์ 13:4-7,13 กล่าวว่า - ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่าง แม้ความผิดของผู้อื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
ในข้อสุดท้ายของ 1 โครินธ์ 13:13 กล่าวว่า ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือ ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
คนเราทุกคนก็ต้องการคนที่เข้าใจและพร้อมที่จะให้อภัยในความผิดบาปเมื่อเราทำผิดทั้งนั้น แต่ใครหล่ะที่จะรักเราอย่างแท้จริงและรักแท้โดยไม่แบ่งชนชั้น ไม่แบ่งความดี ความชั่ว ไม่แบ่งว่าเคยติดคุกหรือไม
แต่วันนี้พันธกิจเรือนจำคริสเตียนได้ตัดสิ่งเหล่านี้ออกไป เหลือไว้แต่ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าประทานให้ เพราะพระเจ้าทรงรักโลก จึงทรงส่งพระบุตรองค์เดียวลงมา เพื่อผู้ที่เชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์....
เราหวังว่าคนไทยที่ด้อยโอกาสและผู้พ้นจากการจองจำจะได้รับพระพรนี้ ผ่านทางพันธกิจเรือนจำคริสเตียนและคริสตจักรพระพร....

No comments:
Post a Comment